บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด

ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับการใช้งานกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (“บริษัท”) มีการใช้งานกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ซึ่งเป็นระบบและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของบริษัท โดยติดตั้งอยู่ภายในและบริเวณโดยรอบของอาคาร สถานที่ และ/หรือพื้นที่ใดๆ ของบริษัท ในการตรวจตราพื้นที่ที่กำหนด เพื่อรักษาความปลอดภัย (ตรวจสอบและสังเกตการณ์) และความมั่นคงของอาคาร สถานที่ ทรัพย์สิน บุคลากร พนักงาน ลูกค้า ผู้ใช้บริการ หรือบุคคลใดๆที่เข้ามาในพื้นที่ และผู้มาติดต่อบริษัท (รวมเรียกว่า “ท่าน”)

ดังนั้น บริษัทจึงได้จัดทำและเผยแพร่ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) รวมถึงวิธีการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวทางการจัดการข้อมูลดังกล่าวอย่างเหมาะสม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562

  1. วิธีในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

บริษัทจะเก็บรวมรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านอยู่ภายในและบริเวณโดยรอบของอาคาร สถานที่ และ/หรือพื้นที่ใดๆ ของบริษัท โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกบันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ดั้วยวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้

  • บริษัทจะติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่จุดสำคัญภายในอาคารสถานที่ และ/หรือพื้นที่ต่างๆของบริษัท รวมถึงพื้นที่ครัวกลาง ศูนย์กระจายสินค้า สำนักงาน ร้านอาหาร และฟาร์มของบริษัท ยกเว้นบางพื้นที่ เช่น ห้องสุขา
  • ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของบริษัทเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นในกรณีที่อุปกรณ์ / ระบบเกิดความขัดข้อง และ/หรือต้องทำการซ่อมบำรุง
  • บริษัทจะจัดแสดงป้ายตามความเหมาะสมภายในและบริเวณอาคารสถานที่ เช่นประตูทางเข้า และ/หรือพื้นที่ที่มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อแจ้งเตือนให้ท่านทราบถึงการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (จากการบันทึกกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) โดยบริษัทมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหลายประเภท รวมถึงข้อมูลดังต่อไปนี้
    • ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว (ภาพวีดีโอ) หรือเสียง ที่ถูกบันทึกไว้
    • ทรัพย์สิน เช่น ยานพาหนะซึ่งเข้ามาในอาคารสถานที่ หรือพื้นที่ใด ๆ ของบริษัท ครัวกลาง ศูนย์กระจายสินค้า สำนักงาน ร้านอาหาร และฟาร์ม ภายใต้การสอดส่องดูแล ที่อยู่ภายใน หรือโดยรอบอาคารสถานที่
  2. วัตถุประสงค์ของการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยอาศัยฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้ (ก) ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการจำเป็น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตราย ต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (ข) ฐานประโยชน์อันชอบ ด้วยกฎหมาย การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุข้างต้น (ค) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย บริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดโดยกฎหมาย ซึ่งรวมถึงกฎหมายว่าด้วย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงาน บริษัทเห็นว่าการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เป็นมาตรการที่สำคัญซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ได้

โดยมีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

3.1 เพื่อปกป้องคุ้มครองชีวิต ร่างกาย สุขภาพ ความปลอดภัยส่วนบุคคล และทรัพย์สิน

3.2 เพื่อตรวจสอบ สังเกตการณ์ และควบคุมการเข้ามาภายในอาคารสถานที่ พื้นที่ใด ๆ ของบริษัท ร้านอาหาร ฟาร์ม และเพื่อป้องกัน ระงับ ลดความเสี่ยงจากการประพฤติมิชอบ อาชญากรรม การฝ่าฝืนกฎหมาย และ/หรือโรคติดต่อ เพื่อการรักษาความปลอดภัยของอาคารสถานที่ พื้นที่ใด ๆ ของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง บุคลากร พนักงาน ลูกค้า ผู้มาติดต่อ ทรัพย์สิน และข้อมูลของบริษัทที่ตั้งอยู่ หรือเก็บไว้ในสถานที่นั้น ๆ

3.3 เพื่อช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาท การสืบสวนสอบสวน การดำเนินการเกี่ยวกับการร้องเรียน และการแจ้งเบาะแสอย่างมีประสิทธิภาพ

3.4 เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินคดี ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การแจ้งเบาะแส การพิสูจน์ หรือหักล้าง ในการดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง คดีแรงงาน

 

3.5 เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย และ/หรือให้ความร่วมมือกับศาล หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานของรัฐ และผู้มีอำนาจตามกฎหมาย

3.6 เพื่อใช้ในการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการภายในบริษัท ร้านอาหาร ฟาร์ม

 

  1. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถเริ่มใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการใช้งานกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของบริษัท รวมถึง

  • ท่านมีสิทธิที่จะได้รับแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม วิธีการเก็บรวบรวม บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาในการจัดเก็บ
  • สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัท เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
  • สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขหรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
  • สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
  • สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ระงับการใช้) ในบางกรณี เช่น บยริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากท่านมีความจำเป็นต้องขอให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนเพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรงหรือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
  • สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทสามารถทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้ดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่บริษัทไม่สามารถทำได้โดยสภาพทางเทคนิค หรือบริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย
  • สิทธิในการขอถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว
  • สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทกระทำการอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

 

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัท และบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ภายใต้หลักเกณฑ์ ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้

  • ภายในบริษัท ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัท เฉพาะที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยบุคคลหรือหน่วยงานเหล่านี้ของบริษัทจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามความจำเป็นและเหมาะสม
  • ภายนอกบริษัท ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับองค์กรภายนอก ดังนี้
    • หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ของการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
    • ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง ผู้ให้บริการสำหรับดำเนินการใด ๆ เช่น ผู้ให้บริการด้านสารสนเทศ หรือบุคคลที่จําเป็นเพื่อให้สามารถดําเนินการตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้ เมื่อบริษัทใช้บริการจากหน่วยงานภายนอก บริษัทจะต้องมั่นใจว่าผู้ให้บริการเหล่านั้น ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย และข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการปกป้องโดยมาตรการ ด้านเทคนิค และองค์กรที่เหมาะสม

ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลบุคคลส่วนบุคคลของท่านจะมีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะเจาะจง ภายใต้ฐานทางกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามดังกล่าวใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของตนเอง บริษัทอนุญาตให้บุคคลที่สามใช้ข้อมูลเท่าที่จําเป็น อย่างเฉพาะเจาะจง และปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของบริษัทเท่านั้น

 

  1. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

6.1 บริษัทฯ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตามหากในอนาคตบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องมีการเปิดเผยหรือโอนย้ายข้อมูลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะปฏิบัติ ดังนี้

6.1.1   ตรวจสอบประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลว่ามีมาตรฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ

6.1.2   ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายให้ส่งหรือโอนได้แม้ว่าประเทศปลายทางหรือองค์กรระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่มีมาตรฐานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ โดยมีข้อยกเว้นตามกฎหมายดังต่อไปนี้

(1)       เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย

(2)       ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว

(3)       เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

(4)       เป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(5)       การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศจะต้องเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และบริษัทฯ จะต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ

6.2 การประมวลผลในระบบคลาวด์ (Cloud) บริษัทฯ จะพิจารณาองค์กรที่มีมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยในระดับสากล และจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบการเข้ารหัส หรือวิธีการอื่นๆ ที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เป็นต้น

  1. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเป็นเวลาไม่เกินกว่า 30 วันหลังจากที่เจ้าของข้อมูลเยี่ยมชมอาคารหรือสถานที่ของบริษัทหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวภาพที่บันทึกโดยกล้องวงจรปิดจะถูกลบโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้บริษัทอาจเก็บข้อมูลนานกว่าที่กำหนดในกรณีที่มีเหตุเฉพาะ อาทิเช่น กรณีพิพาท เป็นต้น

  1. มาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทกำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมและเข้มงวดในการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ในกรณีที่บริษัทมอบหมายให้บุคคลที่สามดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งที่สั่งโดยหรือในนามของบริษัท บริษัทจะกำกับดูแลให้บุคคลที่สามดังกล่าวอย่างเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตาม ต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

  1. ช่องทางการติดต่อ

หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การรวบรวม การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล หรือการใช้สิทธิ์ของเจ้าของข้อมูล หรือมีข้อเรียกร้องใด ๆ กรุณาติดต่อบริษัทได้ที่:

  • บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด
  • สถานที่ติดต่อ:          เลขที่ 398 ถนนเชียงใหม่ - ลำปาง ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่                                                                                       
  • หมายเลขโทรศัพท์:    052-080-744
  • เว็บไซต์                  https;//www.ohkajhu.com
  • วัน/เวลา ทำการ        จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00

 

  • เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • สถานที่ติดต่อ:           โอ้กะจู๋ สาขาเสนานิคม 2014/9 ซอยพหลโยธิน34 แขวงลาดยาว เขตจตุจักรกรุงเทพ 10900                                                
  • หมายเลขโทรศัพท์:   080-574-9666
  • อีเมล:                    dpo@ohkajhu.com